วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568

Boeing สหรัฐฯเพิ่มอากาศยานรบไร้คนขับ Ghost Bat ในการเสนอเครื่องบินขับไล่ F-15EX แก่โปแลนด์

MSPO 2025: Boeing adds Ghost Bat CCA to F-15EX bid for Poland







An artist's impression of the Boeing F-15EX Eagle II manned combat aircraft operating in concert with a pair of Boeing MQ-28 Ghost Bat ‘loyal wingmen', as per the company's latest bid to Poland. (Boeing)

บริษัท Boeing สหรัฐฯได้เสริมข้อเสนอของตนสำหรับความต้องการที่เป็นไปได้ของโปแลนด์สำหรับระบบเครื่องบินรบสองเครื่องยนต์ด้วยขีดความสามารถอากาศยานรบทำงานร่วมกัน(CCA: Collaborative Combat Aircraft)
ณ งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชาติ MSPO 2025 ใน Kielce โปแลนด์ ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/boeing-f-15ex-eagle-ii.html)

การส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เครื่องบินขับไล่  F-15EX Eagle II ของ Boeing สหรัฐฯแก่กระทรวงกลาโหมโปแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/f-15ex-2026.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/boeing-f-15ex-lot-2.html)
ในฐานะส่วนหนึ่งของ 'Team Eagle' ร่วมไปกับบริษัท General Electric สหรัฐฯ, บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักร-สหรัฐฯ และบริษัท Raytheon สหรัฐฯ ณ งานแสดง MSPO 2025

งานแสดง MSPO 2025 ในปีนี้บริษัท Boeing ยังเลือกที่จะส่งเสริมการประชาสัมพันธ์อากาศยานรบทำงานร่วมกัน MQ-28 Ghost Bat CCA ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/mq-28a-ghost-bat.html)
ซึ่งเจ้าหน้าที่ Boeing สหรัฐฯตั้งข้อสังเกตว่าสามารถสร้างความพึ่งพอใจต่อความต้องการของโปแลนด์สำหรับ "จำนวนเครื่องปริมาณมากที่เหมาะสมในค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง" ได้

การพูดคุยในการประชุมโต๊ะกลมสื่อ ณ งานแสดง MSPO 2025 ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าการพัฒนาธุรกิจนานาชาติของ Boeing สหรัฐฯ Tim Flood ยืนยันว่าอากาศยานรบไร้คนขับ MQ-28 Ghost Bat
(พัฒนาโดยบริษัท Boeing Defence Australia ออสเตรเลีย-สหรัฐฯ และเครือรัฐออสเตรเลีย) ได้ดำเนินการทำการบินทดสอบเป็นจำนวน "หลายร้อย" ครั้งแล้ว

Flood ได้กล่าวไปสู่การเน้นย้ำต่อไปว่า การทดสอบระบบอาวุธอากาศสู่อากาศสำหรับอากาศยานรบทำงานร่วมกัน MQ-28 Ghost Bat CCA มีกำหนดจะมีขึ้นในอีก 12เดือนข้างหน้า
ในการเพิ่มเติมต่อทีมมีคนบังคับ-ไร้คนขับ(MUM-T: Manned-Unmanned Teaming) กับอากาศยานรบแบบมีนักบินบังคับในปี 2026(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/loyal-wingman-uav-mq-28a-ghost-bat.html)

ข้อเสนอของบริษัท Boeing ต่อโปแลนด์มีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความพยายามของกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ที่จะปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพอากาศโปแลนด์(Polish Air Force, ISP: Inspektorat Sił Powietrznych) ในเวลาอันสั้นมาก
หลังจากจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีเบา Korea Aerospace Industries(KAI) FA-50 Fighting Eagle จำนวน 48เครื่องในปี 2022(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/fa-50pl-sniper-atp.html, https://aagth1.blogspot.com/2022/09/fa-50pl.html)

เพื่อเสริมกับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16 C/D Block 52+ จำนวน 47เครื่องที่จะได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุ(MLU: Mid-Life Upgrade) เป็นมาตรฐานเครื่องบินขับไล่ F-16V Viper(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/mlu-f-16v-48.html)
และเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II จำนวน 32เครื่องที่กำลังจะถูกส่งมอบในเร็วๆนี้ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/f-35-1.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a-husarz.html)

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยทำพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH
















The Royal Thai Air Force (RTAF) held commissioning ceremony for all eight Beechcraft AT-6TH Wolverine light attack aircrafts of 411th Squadron, Wing 41 Chiang Mai RTAF base on 4 September 2025. 
The Commanders-in-chief of the Royal Thai Air Force, Air Chief Marshal Punpakdee Pattanakul and the U.S. Ambassador to the Kingdom of Thailand, Mr.Robert Frank Godec also attended to AT-6TH commissioning ceremony at Wing 41 Chiang Mai. (Royal Thai Air Force)





กองทัพอากาศบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH) ณ กองบิน 41
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH) ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ 
โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้สังเกตการณ์ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม ผู้แทนส่วนราชการ ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด บริษัท Textron Aviation Defense LLC บริษัท Sam Teltech และบริษัท RVC เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีอย่างพร้อมเพรียง
กองทัพอากาศได้ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบา (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 ทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1 (L-39ZA/ART) ที่ปลดประจำการไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 
โดยการจัดหาดังกล่าวได้มีการลงนามสัญญากับบริษัท Textron Aviation Defense LLC เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้การใช้งบประมาณของรัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส คุ้มค่า มีประสิทธิผล และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ส่งนักบินจำนวน 8 นาย เข้ารับการฝึกบินกับเครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ณ สหรัฐอเมริกา โดยสำเร็จหลักสูตรครูการบินและนักบินทดสอบครบถ้วน พร้อมผลการฝึกที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม ทำให้การจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีการบินของกองทัพอากาศให้ทันสมัยและมีความพร้อมรอบด้าน
นอกจากอากาศยานแล้ว โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ การฝึกอบรม และการปรับปรุงอาคารสถาที่สนับสนุนจากโครงการช่วยเหลือทางทหารแบบให้เปล่า US Title 10 Chapter 16 Section 333 Authority to Build Capability ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ อาทิ 
การโจมตีทางอากาศ การค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่รบ การลาดตระเวน การสนับสนุนการรบภาคพื้น การสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนและขนส่งยาเสพติด ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น การควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
ผู้บัญชาการทหารอากาศได้กล่าวย้ำว่า การจัดหาในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใส โปร่งประโยชน์ และคุ้มค่าอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันฝูงบิน 411 ได้รับมอบเครื่องบินครบจำนวน 8 เครื่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ได้รับการพิจารณาในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนติดอาวุธและสนับสนุนการป้องกันประเทศอย่างเต็มศักยภาพ
การบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของฝูงบิน 411 กองบิน 41 และกองทัพอากาศ ที่จะนำไปสู่การบูรณาการด้านการปฏิบัติการบินร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคง เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยและความมั่นคงของชาติสืบไป

“AT-6TH กำลังรบใหม่แห่งกองทัพอากาศไทย เติมเต็มขีดความสามารถ ปกป้องอธิปไตยชาติ”
วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศไทย ที่บรรจุเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง ประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่
เครื่องบิน AT-6TH คือก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศ เพื่อภารกิจที่หลากหลาย อาทิ
การโจมตีทางอากาศ
การลาดตระเวนติดอาวุธ
การช่วยเหลือค้นหาและกู้ภัย
การสนับสนุนภาคพื้นดิน
การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันชายแดน
การช่วยเหลือประชาชน เช่น ควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย
โดย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธี บรรจุประจำการ เครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 และได้รับเกียรติจาก Mr. Robert Frank Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, คุณชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และแขกผู้มีเกียรติหลายท่าน มาร่วมเป็นสักขีพยาน
นี่คืออีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนถึง ความพร้อม ปณิธาน และความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ ในการปกป้องอธิปไตยและสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติ
“AT-6TH ไม่ใช่แค่เครื่องบินรบ แต่คือความมั่นใจของคนไทยทุกคน”

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ทำพิธีบรรจุประจำการของเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine ทั้งหมดจำนวน ๘เครื่อง ณ ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) เป็นการเสร็จสิ้นโครงการที่ดำเนินมาตั้งแต่การลงนามสัญญาจัดหาเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021)(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/at-6th.html)
พิธีได้เริ่มต้นโดยเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ทำการบินคุ้มกันเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๕ก บ.ล.๑๕ก Airbus A320-214CJ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ดอนนเมือง ที่มีผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล, เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย Mr.Robert Frank Godec, คณะตัวแทนส่วนราชการไทยและภาคเอกชนของไทยและต่างประเทศและสื่อเดินทางมาลงจอดที่กองบิน๔๑ ในจังหวัดเชียงใหม่

ตั้งแต่ที่ได้รับมอบเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine ครบ ๘เครื่องตามสัญญาที่รวมถึงการถ่ายทอดวิทยาการแก่ภาคอุตสาหกรรมการบินของไทยในราวในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th-8.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th.html) ซึ่งได้มีการฝึกนักบินพร้อมรบ(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/solo-at-6th.html)
และการฝึกการปฏิบัติการภารกิจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/at-6th.html) รวมถึงการเข้าร่วมการฝึกผสม AIR THAISING 2025 กับกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช เป็นการฝึกร่วมกับมิตรประเทศเป็นครั้งแรก(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/at-6th-air-thaising-2025.html)

และตามมาต่อเนื่องด้วยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/enduring-partners-2025.html) ณ กองบิน๑ โคราชเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ยืนยันว่า
เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ได้มีส่วนร่วมในการปะทะตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ แม้ว่าจะไม่ได้ให้รายละเอียด ผบ.ทอ.ไทยเสริมว่าการส่งข้อมูลภาพจากสนามรบในเวลาจริงเป็นขีดความสามารถหนึ่งของเครื่องบิน มีความประหยัด เงียบ และแม่นยำสูงจากระยะไกลเหมาะสมกับภารกิจการโจมตีสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินถ้าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินรบที่ติดอาวุธได้หนักกว่า

นอกจากโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องสำหรับฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/08/gripen-ef.html) โครงการจัดหาตามสมุดปกขาว RTAF White Paper 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html) ที่อาจจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคตหลังการปะทะกับกองทัพกัมพูชาล่าสุด
ยังรวมถึงการทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16AM/BM EMLU ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี ด้วยเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า, เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northrop F-5E/F TH Super Tigris ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี และเครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน๒๓ อุดรธานี ด้วยอากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) ครับ

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568

จีนเปิดตัวขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM และยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV

Chinese military parade highlights rapid progress towards modernisation
IMAGE: The DF-61 ICBM seen at China’s military parade on 3 September. Credit: Greg Baker/AFP via Getty Images 




IMAGE: China’s AJX002 XLUUV will likely be deployed for reconnaissance, minelaying, anti-submarine warfare, and potentially even strike missions. Credit: Janes 





ส่วนหนึ่งของรายงานพิเศษจาก Janes Equipment Intelligence ครอบคลุมเพียงสองระบบจากหลายๆระบบที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(PLA: People’s Liberation Army) จัดแสดงในพิธีสวนสนามวันชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สองครบรอบ 80ปีของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ณ นครหลวง Beijing รายงานเต็มรวมถึงการวิเคราะห์ระบบอาวุธต่างๆและวิทยาการที่หลากหลายตั้งแต่อาวุธปล่อยนำวิถียิงจากเรือดำน้ำ และระบบไร้คนขับต่างๆ จนถึงรถถังและยานเกราะต่างๆ, อาวุธคลื่น microwave และอาวุธพลังงาน Laser ต่างๆ

ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM(Intercontinental Ballistic Missile) ปรากฎว่าจะเป็นระบบที่มาแทนที่ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-41 ICBM รุ่นก่อนที่ถูกเปิดตัวในพิธีสวนสนามวันชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สอง Victory Day 2019
เช่นเดียวกับขีปนาวุธข้ามทวีป DF-41 ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 เป็นระบบอัตตาจรเคลื่อนที่บนถนนและทำการยิงจากรถฐานแท่นยิงแบบยกตั้งอัตตาจร(TEL: Transporter-Erector-Launcher) แบบ 16ล้อ ตั้งข้อสังเกตุว่ามีจุดประสงค์เพื่อความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่และการอำพราง

จากขนาดของระบบขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM น่าจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ถึง 12หัวรบ น่าจะเป็นในรูปแบบหัวรบนิวเคลียร์ย่อยแยกโจมตีหลายเป้าหมายอย่างอิสระ(MIRV: Multiple Independently targetable Re-entry Vehicle)
ขีดความสามารถนี้จะทำให้ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM สามารถที่จะโจมตีได้หลายเป้าหมายทั่วทั้งระยะทางที่ห่างกันมาก เป็นการเพิ่มขยายคุณค่าการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางยุทธศาสตร์

พิสัยยิงของขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ถูกประเมินว่าจะอยู่ที่ราวประมาณ 18,000km ซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ที่มีระยะยิงไกลที่สุดในโลก มีขีดความสามารถในการโจมตีหลายเป้าหมายในภาคพื้นทวีปของสหรัฐฯ
ในทางยุทธศาสตร์ DF-61 มีความเหมาะสมเข้ากับความพยายามที่หลากหลายของจีนที่จะปรับปรุงความทันสมัยและกระจายความเสี่ยงคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตน และมอบขีดความสามารถการโจมตีที่สอง(second-strike) ที่แข็งแกร่งมากขึ้น และทางเลือกที่กว้างขึ้นตลอดขั้นบันไดการยกระดับทางนิวเคลียร์

ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV(Extra Large Unmanned Underwater Vehicle) ยังถูกเปิดตัวในพิธีสวนสนามวันชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สอง Victory Day 2025
ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV มีความยาวประมาณ 18-20m และมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 1-1.5m โดยมีรูปทรงคล้าย torpedo และระบบขับเคลื่อนแบบ pumpjet

ตัวถังของยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV มีห่วงหิ้วสำหรับการยก บ่งชี้ว่ายานถูกออกแบบสำหรับการวางกำลังด้วย crane แขนยกภาคพื้นดินและเป็นไปได้ว่าใช้มีภารกรรมบรรทุกแบบ modular payload ตั้งข้อสังเกตุว่ามีความยืดหยุ่นการปฏิบัติการและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ขณะที่รูปแบบภารกิจที่แท้จริงยังคงไม่ชัดเจน AJX002 XLUUV น่าจะถูกใช้วางกำลังโดยจีนสำหรับภารกิจหลากหลายแบบรวมถึงการลาดตระเวน, การวางทุ่นระเบิดทะเล, สงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) และอาจจะเป็นไปได้ถึงภารกิจการโจมตี

การออกแบบของยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV มีความคล้ายคลึงบางอย่างกับ Torpedo พลังงานนิวเคลียร์ Poseidon ของรัสเซีย แม้ว่ายังไม่มีการยืนยันที่บ่งชี้ว่า AJX002 ของจีนมีระบบขับเคลื่อนนิวเคลียร์เช่นเดียวกัน
ในทางยุทธศาสตร์ ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV เพิ่มชั้น layer ใหม่ของการจัดวางรูปแบบการป้องปรามทางทะเลของจีน โดยการวางกำลังระบบใต้น้ำอัตโนมัติที่มีขีดความสามารถการปฏิบัติภารกิจต่างๆในระยะเวลายาวนาน

จีนสามารถที่จะสร้างความยุ่งยากซับซ้อนแก่การวางแผนทางเรือของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรต่างๆในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกได้ ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก XLUUV เหล่านี้สามารถปฏิบัติการอย่างตรวจจับได้ยาก stealth ในน่านน้ำที่มีการแข่งขันสูงต่างๆ
ด้วยการลดความเสี่ยงต่อกำลังพล, ดำเนินการปฏิบัติการตรวจการณ์ของเส้นทางขนส่งทางทะเลที่มีความสำคัญยิ่ง หรือเป็นภัยคุกคามต่อทรัพยากรทางเรือที่มีคุณค่าสูงต่างๆครับ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568

เวียดนามแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ในพิธีสวนสนามวันชาติครบรอบ 80ปีที่ Hanoi

Special Report: Vietnam displays new military equipment in Hanoi parade







VPA T-90S, T-62M, T-55M3 and T-54/55 tanks, XCB-01 and BMP-2 IFVs, and XTC-02 APCs displayed during Vietnam's military parade in Hanoi on 2 September to mark the country's 80th National Day. (Nhac Nguyen/AFP via Getty Images)



เวียดนามได้จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารใหม่ที่พัฒนาภายในประเทศหลากหลายแบบ ณ พิธีสวนสนามครบรอบ 80ปีวันชาติเวียดนามที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2025 ในนครหลวง Hanoi
ระบบต่างๆเหล่านี้ซึ่งทั้งหมดน่าจะถูกนำเข้าประจำการในกองทัพประชาชนเวียดนาม(Vietnam People's Armed Forces, LLVTNDVN: Lực lượng Vũ trang nhân dân Việt Nam) รวมถึง

รถเกราะลำเลียงพลล้อยาง XTC-02 4x4 APC(Armoured Personnel Carrier), รถรบทหารราบสายพาน XCB-01 IFV(Infantry Fighting Vehicle), ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันชายฝั่ง VCS-01 Truong Son 
และอาวุธนำวิถีร่อนทางยุทธวิธี(loitering munition) แบบ VU-C2 การจัดแสดงระบบอาวุธต่างที่พัฒนาในเวียดนามเหล่านี้สอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับการตั้งเป้าของเวียดนามที่ร่างเค้าโครงในสมุดปกขาวกลาโหม 2019 ของตน

สมุดปกขาวกลาโหม 2019 ของเวียดนามมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพประชาชนเวียดนาม และลดการพึ่งพาแหล่งจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์รายต่างๆจากต่างประเทศ
ผู้ผลิตและจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารดั้งเดิมของเวียดนามคือรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/06/blog-post.html, https://aagth1.blogspot.com/2019/01/t-90s.html)

ในงานสวนสนามกองทัพบกประชาชนเวียดนาม(VPA: Vietnam People's Army, Quân đội nhân dân Việt Nam) ได้เปิดตัวรถเกราะลำเลียงพลล้อยาง XTC-02 4x4 APC ของตน
ที่ถูกพัฒนาและสร้างโดยกรมการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ(GDDI: General Department of Defence Industry, TCCNQP: Tổng cục Công nghiệp Quốc phòng) ของกระทรวงกลาโหมเวียดนาม

Vietnam.vn ฝ่ายข้อมูลสารสนเทศของรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกล่าวว่า รถเกราะลำเลียงพลล้อยาง XTC-02 มีความยาว 7.2m กว้าง 2.7m และสูง 2.2m 
ติดตั้งอาวุธปืนกลหนักต่อสู้อากาศยานขนาด 12.7mm และปืนกลขนาด 7.62mm มีความเร็วสูงสุดบนพื้นดินที่ 95 km/h, ในน้ำที่ 12km/h และมีระยะปฏิบัติการที่ 800km Vietnam.vn เวียดนามกล่าว

รถรบทหารราบสายพาน XCB-01 IFV ถูกเปิดตัวในงานแสดง Vietnam International Defence Expo(VIDEX) 2024 ที่จัดขึ้นในนครหลวง Hanoi ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2024 สร้างโดยโรงงาน Z189 ของ GDDI เวียดนาม
และมีพื้นฐานจากรถรบทหารราบสายพาน BMP-1 IFV ยุคอดีตสหภาพโซเวียด ติดตั้งปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 73mm พร้อมระบบบรรจุกระสุนกึ่งอัตโนมัติ ปืนกลร่วมแกน PKT 7.62mm, แท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง B72, และปืนกลหนักต่อสู้อากาศยาน 12.7mm ครับ

ตุรกีทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สี่ F-518 TCG Icel

Türkiye launches 4th I-class frigate, the future TCG İçel (F-518)



4th I-class frigate at the launching ceremony. Representatives from Turkish defence industry at the launching ceremony of the 4th I-class frigate. (Credit: Haluk Görgün on NSosyal)

อู่เรือบริษัท Sefine Shipyard ตุรกีได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สี่ เรือฟริเกต F-518 TCG İçel โดยพิธีได้จัดขึ้นใน Yalova เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2025 พิธีปล่อยเรือลงน้ำได้เชิญเจ้าหน้าที่จากตัวแทนผู้มีอำนาจของตุรกีร่วมไปกับตัวแทนจากภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกี
Prof. Haluk Görgün ประธานสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี(Secretariat of Defence Industries, SSB: Savunma Sanayii Başkanlığı) กล่าวถึงงานในสื่อสังคม online เน้นย้ำถึงความสำคัญของภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของตุรกีที่ได้สามารถที่จะสร้างเรือรบหลายลำได้พร้อมกัน

"โครงการเรือ MİLGEM แปดลำของเรา เรือฟริเกตชั้น İstif เรือฟริเกต TCG İçel ได้ถูกปล่อยลงน้ำ ณ อู่เรือ Sefine Shipyard ใน Yalova Altınova คุณลักษณะสำคัญ ความยาวเรือ 113m ระวางขับน้ำ 3,200 tons อัตราการนำระบบในประเทศมาใช้ถึงร้อยละ80 ขีดความสามารถการปฏิบัติการอเนกประสงค์ ลาดตระเวน, ตรวจการณ์, ปราบเรือดำน้ำ/ป้องกันภัยทางอากาศ, ค้นหาและกู้ภัย บูรณาการด้วระบบภายในประเทศเป็นหลัก 
อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ ATMACA, แท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launch System) แบบ MİDLAS, ระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-in Weapon System) แบบ Gökdeniz, ระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ ADVENT, และ radar ตรวจการณ์ 3D แบบ CENK 
ได้รับการพัฒนาภายใต้การประสานงานกับสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมของเรา และเป็นรูปเป็นร่างโดยความพยายามและความเชี่ยวชาญของสถาบันและบริษัทต่างๆมากกว่า 200ราย ความสำเร็จนี้ไม่เพียงเสริมความแข็งแกร่งแก่กองทัพเรือของเราแต่ยังทั้งระบบสภาพแวดล้อมของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของเรา" Görgün กล่าว

เรือฟริเกต F-518 TCG İçel เป็นเรือฟริเกตชั้น I ลำที่สี่และเป็นเรือลำที่แปดในโครงการเรือ MILGEM ตามที่เรือสี่ลำแรกคือเรือคอร์เวตชั้น ADA(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/mazepa-f212-hetman-ivan-vyhovskyi.html
เรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำแรกเรือฟริเกต F-515 TCG Istanbul เข้าประจำการในกองทัพเรือตุรกี(Turkish Navy) เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/istanbul.html) การสร้างเรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สอง ลำที่สาม และลำที่สี่ได้เริ่มต้นในปลายปี 2023

เรือฟริเกตชั้น Istanbul ลำที่สอง เรือฟริเกต F-516 TCG Izmir และลำที่สาม เรือฟริเกต F-517 TCG Izmit ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/istanbul-f-516-tcg-izmir-f-517-tcg-izmit.html)
สำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี SSB ยังได้ประกาศสัญญากับหุ้นส่วนบริษัท TAIS Shipyards ตุรกีและบริษัท STM ตุรกีเพื่อที่จะสร้างเรือฟริเกตชั้น Istanbul เพิ่มเติมอีกสี่ลำ ซึ่งการสร้างเรือเหล่านี้ได้เริ่มต้นแล้วในต้นปี 2025 นี้

หุ้นส่วนบริษัท TAIS Shipyards และบริษัท STM กำลังรับผิดชอบสำหรับการสร้างและติดตั้งสิ่งอุปกรณ์ของเรือลำที่หกถึงลำที่สิบสองของโครงการเรือ MILGEM โดยเรือฟริเกตชั้น I ทั้งหมด 7ลำปัจจุบันกำลังอยู่ในหลากหลายของสถานะการสร้าง
โครงการเรือฟริเกตชั้น I ของตุรกีได้ถูกเริ่มต้นเพื่อการสร้างเรือฟริเกตใหม่จำนวน 4ลำเพื่อทดแทนเรือฟริเกตชั้น YAVUZ ที่มีอายุการใช้งานมานานของกองทัพเรือตุรกีในกลางปี 2020s ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการเรือรบภายในประเทศ MILGEM

เรือฟริเกตชั้น Istanbul เป็นแบบเรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นของเรือคอร์เวตปราบเรือดำน้ำชั้น Ada เรือมีความจุเชื้อเพลิงและระยะปฏิบัติการ/เดินเรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ50 เมื่อเปรียบเทียบกับเรือคอร์เวตขั้น Ada เรือฟริเกตชั้น Istanbul ได้ถูกพัฒนาสำหรับสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) และสงครามต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASuW: Anti-Surface Warfare), 
สงครามทางอากาศ, การลาดตระเวน, การตรวจการณ์, การตรวจจับเป้าหมาย, การพิสูจน์ทราบ, การตรวจพบและแจ้งเตือนล่วงหน้า มีความยาวเรือที่ 113m และความกว้างที่ 14.4m เรือลำแรกเรือฟริเกต F-515 TCG İSTANBUL ถูกสร้างที่อู่เรือ Istanbul Naval Shipyard และติดตั้งด้วยระบบขั้นก้าวหน้าต่างๆที่ตุรกีพัฒนาในประเทศรวมถึง

อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ ATMACA ที่ตุรกีพัฒนาในประเทศรวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ ATMACA ที่ตุรกีพัฒนาในประเทศ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/atmaca.html) และแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launch System) แบบ MİDLAS(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-515-tcg-istanbul-hisar-d-midlas-vls.html) ที่พัฒนาโดยบริษัท Roketsan ตุรกี
ระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-in Weapon System) แบบ Gökdeniz และ AESA(Active Electronically Scanned Array) radar แบบ Cenk-S ที่พัฒนาโดยบริษัท ASELSAN ตุรกี และระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ ADVENT ที่พัฒนาโดยบริษัท HAVELSAN ตุรกีภายใต้การกำกับของกองบัญชาการกองเรือ(Naval Forces Command) กองทัพเรือตุรกี

มีบริษัททั้งหมด 220บริษัทที่มีส่วนร่วมในโครงการเรือฟริเกตชั้น Istanbul รวมผู้รับสัญญารอง 80รายที่กำลังทำงานในการส่งมอบอีกมากกว่า 150ระบบ บริษัทวิศวกรรมทางเรือที่ใหญ่ที่สุดของตุรกีคือบริษัท STM เป็นผู้รับสัญญาหลักในโครงการนี้
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2025 ระหว่างงาน IDEF 2025 ที่มหานคร Istanbul อินโดนีเซียได้ลงนามข้อตกลงสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างเรือฟริเกตชั้น Istanbul จำนวน 2ลำสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/istanbul-2.html)

คุณลักษณะเรือฟริเกตชั้น Istanbul
ความยาวเรือรวม: 113.2m
ความยาวตัวเรือที่แนวน้ำ: 105.2m
ความกว้างเรือสูงสุด: 14.4m
กินน้ำลึก: 4.05m
ระวางขับน้ำ: 3,000tons
ความเร็วสูงสุด: 29+knots
ความเร็วเดินทาง: 14knots
ระยะปฏิบัติการ: 5,700nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 14 knots
ระบบขับเคลื่อน: รูปแบบ CODAG(Combined Diesel and Gas) เครื่องยนต์ดีเซล MTU สองเครื่อง+เครื่องยนต์ gas turbine General Electric LM2500 หนึ่งเครื่อง สองเพลาและใบจักร CPP
เครื่องกำเนิดพลังงาน: เครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้ากำลัง 560kw สี่เครื่อง
ระบบอำนวยการรบ CMS: HAVELSAN ADVENT
ชุดระบบตรวจจับ
-3D radar ตรวจการณ์สามมิติ (น่าจะเป็น Aselsan CENK-S AESA)
-radar นำร่อง (น่าจะเป็น Aselsan ALPER-P LPI)
-radar ควบคุมการยิง FCR: Fire Control Radar (2xAKR-D FCR)
-ระบบตรวจจับ EO System (น่าจะเป็น ASELFLIR-300T, PIRI KATS, และ AHTAPOT)
-sonar ตัวเรือ FERSAH
-ระบบมตรการต่อต้าน Torpedo(TCM: Torpedo Countermeasures System) HIZIR
-ระบบแจ้งเตือนการตรวจจับด้วย Laser 
-ระบบตรวจจับการแพร่สัญญาณไฟฟ้า(ESM: Electronic Support Measures)/ระบบมาตรการต่อต้าน elctronic(ECM: Electronic Countermeasures) ตระกูล ASELSAN ARES
ระบบอาวุธ:
-แท่นยิงแนวดิ่ง MIDLAS VLS 16ท่อยิงสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศตระกูล HISAR
-อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ ATMACA สี่ท่อยิง 4แท่นยิง
-ระบบป้องกันระยะประชิด Aselsan Gokdeniz CIWS
-ปืนเรือ 76mm Super Rapid
-ปืนกล Aselsan STOP 25mm สองแท่นยิง
-torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ Mk 46 Mod 5 / Roketsan ORKA สามท่อยิง 2แท่นยิง

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568

นอร์เวย์เลือกเรือฟริเกตชั้น Type 26 อังกฤษสำหรับโครงการเรือฟริเกตใหม่ 5ลำ

Norway selects UK's Type 26 for frigate programme


An artist's impression of the future Type 26 frigate. Norway is expected to acquire at least five of the type following a selection decision announced on 31 August 2025. (BAE Systems)

The first Royal Navy Type 26 frigate, the future HMS Glasgow was christened on 22 May 2025 at BAE Systems yards. (BAE Systems)




The Royal Norwegian Navy's F311 HNoMS Roald Amundsen frigate. Norway outlined a requirement for at least five ASW frigates to replace the Fridtjof Nansen-class frigates. (Norwegian Ministry of Defence)

รัฐบาลนอร์เวย์ได้ประกาศการตัดสินใจที่จัดหาเรือฟริเกตสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) ชั้น Type 26 อย่างน้อยจำนวน 5ลำในความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กับสหราชอาณาจักร
เป็นมูลค่าที่วงเงินถึง 10 billion British Pound($13.5 billion) การตัดสินใจได้รับการประกาศในการแถลงต่อสื่อเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2025 ที่ผ่านมาโดยนายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ Jonas Støre

การประกาศนี้เป็นการลงทุนในขีดความสามารถด้านกลาโหมครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาของนอร์เวย์และเป็นข้อตกลงการส่งออกเรือรบครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในแง่จำนวนวงเงินของสหราชอาณาจักร
เรือฟริเกตชั้น Type 26 ใหม่สำหรับกองทัพเรือนอร์เวย์(Royal Norwegian Navy, Sjøforsvaret) จะถูกสร้างโดยบริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักรในแคว้น Scotland โดยเรือฟริเกตลำแรกคาดว่าจะมีการส่งมอบในราวปี 2030

ในเดือนเมษายน 2024 แผนกลาโหมระยะยาว 2025-2036(Long-term Defence Plan 2025-36) ของนอร์เวย์ได้ร่างเค้าโครงความต้องการสำหรับเรือฟริเกตปราบเรือดำน้ำใหม่อย่างน้อย 5ลำ
เพื่อทดแทนเรือฟริเกตชั้น Fridtjof Nansen(แบบเรือฟริเกต F-100 ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนของบริษัท Navantia สเปน) ของกองทัพเรือนอร์เวย์(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/fridtjof-nansen-f313-knm-helge-ingstad.html)

ผู้เข้าแข่งขันสำหรับโครงการเรือฟริเกตปราบเรือดำน้ำใหม่ของนอร์เวย์จากสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส(เรือฟริเกต FDI ของบริษัท Naval Group ฝรั่งเศส)(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/fdi-hn-f601-hs-kimon.html), 
เยอรมนี(เรือฟริเกต F126)(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/f126.html), และสหรัฐฯ(เรือฟริเกตชั้น Constellation)(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/constellation-ffg-62-uss-constellation.html) ได้อยู่ภายในการพิจารณา

โดยเรือฟริเกตชั้น Type 26 ได้ถูกเลือกในท้ายที่สุด การตัดสินใจของนอร์เวย์ทำให้จำเรือฟริเกตชั้น Type 26 ที่จะถูกสร้างโดยบริษัท BAE Systems ณ อู่เรือใน Govan และ Scotstoun ติดแม่น้ำ Clyde รวมจำนวนทั้งหมดเป็น 13ลำ
ภายใต้แผนปัจจุบันสหราชอาณาจักรกำลังสั่งจัดหาเรือฟริเกตชั้น Type 26 ที่ยังรู้จักในชื่อเรือฟริเกตชั้น City จำนวน 8ลำสำหรับกองทัพเรือสหราชอาณาจักร(RN: Royal Navy) โดยเรือ 5ลำได้เริ่มต้นการสร้างไปแล้ว

เรือฟริเกตชั้น Type 26 City ลำแรกเรือฟริเกต F88 HMS Glasgow คาดว่าจะเข้าประจำการในปี 2028 โดยเรืออีก 4ลำอยู่ในหลากหลายสถานะของการสร้าง ณ อู่เรือของ BAE Systems สหราชอาณาจักร
เพิ่มเติมด้วยเรือ 5ลำของนอร์เวย์ เรือฟริเกตชั้น Type 26 ทั้งหมด 13ลำคาดว่าจะปฏิบัติการในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ(North Atlantic) และทะเลหลวงเหนือ(High North) 

เรือฟริเกตชั้น Type 26 ยังถูกส่งออกให้แก่กองทัพเรือออสเตรเลีย(RAN: Royal Australian Navy) ในชื่อเรือฟริเกตชั้น Hunter จำนวน 6ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/hunter-6.html)
และกองทัพเรือแคนาดา(RCN: Royal Canadian Navy) ในชื่อเรือพิฆาตชั้น River จำนวน 15ลำครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/river-3.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/07/river.html)

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano บราซิลเครื่องแรกจาก 12เครื่องเดินทางมาถึงโปรตุเกสแล้ว

First Super Tucanos transferred to Portugal





Three of the first of 12 A-29N Super Tucanos for Portugal begins its ferry flight from Brazil on 25 August, arrived to Portugal on 31 August. (Embraer)



เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกเครื่องยนต์ใบพัด Embraer A-29N Super Tucano ชุดแรกจากทั้งหมด 12เครื่องสำหรับกองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa)
ได้ทำการบินเดินทางจากโรงงานอากาศยานของบริษัท Embraer บราซิลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2025 และมาถึงโปรตุเกสเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2025 แล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/29n-super-tucano-12-2025.html)

ชุดภาพถ่ายที่ได้รับการเผยแพร่แสดงถึงเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N Super Tucano อย่างน้อย 3เครื่องจาก 12เครื่องที่ได้รับการสั่งจัดหาโดยกองทัพอากาศโปรตุเกสเริ่มต้นทำการบินเดินทางเป็นระยะทางราว 8,000km
จากโรงงานอากาศยาน Gavião Peixoto ของ Embraer บราซิลไปยังสถานที่ของบริษัท OGMA โปรตุเกสบริษัทย่อยเครือบริษัท Embraer ใน Alverca do Ribatejo, นครหลวง Lisbon โปรตุเกส

"วันนี้เครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N ชุดแรกของกองทัพอากาศโปรตุเกสบินขึ้นออกจากโรงงานของเราใน Gavião Peixoto บราซิล ไปยัง OGMA โปรตุเกสโปรตุเกสแล้ว ที่ซึ่งเครื่องบินจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็น
เพื่อจะปฏิบัติการในความสอดคล้องกับความต้องการการปฏิบัติการต่างๆของ NATO เครื่องบินฝึกขั้นก้าวหน้าและโจมตีเบาชุดแรกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสำหรับ 12เครื่องที่จะประจำการในกองทัพอากาศโปรตุเกส" Embraer กล่าว

ในเดือนธันวาคม 2024 โปรตุเกสได้ลูกค้ารายแรกของเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano รุ่นมาตรฐาน NATO(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/29n-super-tucano-12.html)
การลงนามข้อตกลงวงเงินประมาณ 200 million Euros($226.9 million) สำหรับเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N Super Tucano จำนวน 12เครื่อง, เครื่องจำลองการบิน flight simulator, และการสนับสนุน

ด้วยการส่วนมอบที่กำลังได้รับการดำเนินการในตอนนี้ เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano ทั้งหมด 12เครื่องจะเข้าประจำการในกองทัพอากาศโปรตุเกส "ในสองถึงสามปี" ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่บริษัท Embraer
กองทัพอากาศโปรตุเกสมีจุดประสงค์ที่จะใช้เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 เพื่อเติมเต็มภารกิจการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิดสำหับการปฏิบัติการผสมในสสถานการณ์ภัยคุกคามต่ำในแอฟริกา เช่นเดียวกับสำหรับการฝึก

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano ได้รวมการปรับปรุงระยะและเวลาการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับระบบตรวจการณ์ electro-optical, การมอบขีดความสามารถการใช้กระเปาะจรวดอากาศสู่พื้น และอาวุธความแม่นยำสูง,
ปืนกลอากาศ M3P ขนาด 12.7x99 mm สองกระบอกถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในตัวเครื่อง และชุดระบบป้องกันตนเอง อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและระบบนำร่องมาตรฐาน NATO ที่จะได้รับการติดตั้งอย่างเช่น

วิทยุความถี่ VHF/UHF(Very-High-Frequency/Ultra-High-Frequency), ระบบสื่อสารดาวเทียม(SATCOM: Satellite Communication), ระบบช่วยการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด digital(DACAS: Digitally Aided Close Air Support), ระบบข้อความทางยุทธวิธี VMF(Variable Message Format),
เครือข่าย Link 16 datalink, ระบบ video downlink ที่เข้ากันได้กับวิทยาการตัวรับวีดิทัศน์ควบคุมระยะไกล ROVER(Remote Operated Video Enhanced Receiver), อุปกรณ์ส่งสัญญาณระบบพิสูจน์ฝ่าย(IFF: Identification Friend-or-Foe) Mod 5 และระบบดาวเทียม GPS ทางทหารครับ